บทที่ 10 อ้อมกอดคนเถื่อน
ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น สร้างความอึดอัดให้กับลลนา เป็นอย่างมาก เธอแทบไม่รู้จักกับผู้ชายคนนี้เลยด้วยซ้ำ อยู่ ๆ มา ถูกกอดในลักษณะที่แนบชิด และอยู่ในสภาพที่ล่อแหลมด้วยกันทั้งคู่ ความรู้สึกแปลกใหม่จึงเกิดขึ้น หญิงสาวยอมรับว่ารู้สึกอุบอุ่นและปลอดภัยเมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนของเขา
ลลนานั่งตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับตัวเพราะแผ่นหลังเบียดอยู่กับอกของเขา เผ่าเพชรเงียบไปแล้ว ลลนาได้ยินเสียงลมหายใจเขาสม่ำเสมอ การหายใจก็เป็นจังหวะต่อเนื่อง หรือเขาจะหลับ... หญิงสาวคิดในใจ พยายามเอี้ยวตัวหันไปมอง ถ้าเขาหลับจริง ๆ เธอจะได้ย่องออกจากอ้อมแขนของเขา
“ว้าย!”
ทันทีที่บิดตัวเพื่อจะดูเขา แขนแกร่งก็จับร่างเธอหมุนกลับมาเผชิญหน้ากันทันที ลลนาที่ไม่ทันระวังตัวร้องลั่น ตกใจกับการกระทำอันรวดเร็วของเขา ใบหน้าสวยกระแทกเข้ากับแผงอกกำยำ หน้าอกอวบสัมผัสกับหน้าท้องแข็งแรง มือบางค้ำแผงอกเขาไว้ พยายามขืนตัว ไม่ให้แนบชิดไปมากกว่านี้
เผ่าเพชรไม่พูดอะไร แต่กระชับแขนแน่นขึ้น ลลนาก่นด่าตัวเองในใจที่ประมาทจนทำให้เขาถือโอกาสลวนลามเอาได้
“คะ... คุณเผ่า ฉะ... ฉันไม่หนาวแล้วค่ะ”
“แต่ผมหนาว”
“ถ้าหนาวคุณก็ขยับเข้าไปนั่งใกล้ ๆ กองไฟสิคะ กอดฉันแบบนี้ ฉันว่า...”
“นิ่งเถอะน่า พูดมากจะไล่ให้ไปยืนตากฝนนอกถ้ำ”
“...”
นั่นปะไร... คนเอาแต่ใจ คนเผด็จการ ลลนาก่นด่าชายหนุ่มในใจ พยายามหมุนตัวกลับ ถ้าจะต้องอยู่ในอ้อมกอดเขาแบบนี้ เธอขออยู่ในท่านั่งหันหลังให้เขาแบบเดิมดีกว่า เพราะทุกครั้งที่เขาหายใจ ผิวสัมผัสส่วนที่แนบชิดอยู่แล้ว ยิ่งแนบชิดกันเข้าไปอีกหญิงสาวหายใจลำบากคลื่นบางอย่างเริ่มก่อกวนอยู่ในหัวใจ ลมหายใจเริ่มติดขัด ยิ่งเวลาที่ ลมร้อนผ่านช่วงใบหู ก็ยิ่งทำให้รู้สึกวูบโหวงในช่องท้องจนน่าตกใจ
“บอกให้อยู่นิ่ง ๆ ไง!”
“คือ... ฉะ... ฉันหายใจไม่ออกค่ะ มันอึดอัด คุณปล่อยฉันนะคะ ฉันจะไปนั่งข้าง ๆ กองไฟ คุณจะได้...”
“เงียบน่า หนวกหู!” เผ่าเพชรพูดพร้อมกับขยับตัว จากที่เอนพิงก้อนหินในช่วงแรก เปลี่ยนมานั่งตัวตรง แล้วอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมาเกย บนตัก
“ว้าย!!”
ความตกใจทำให้ลลนากรีดร้อง ยกแขนเรียวโอบรอบคอเขา ในท่านี้ยิ่งทำให้ใบหน้าของทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบ ตากลมโตช้อนมองใบหน้าด้านข้างของคนที่ค้ำหัว ก่อนสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อเห็นริ้วรอยเหี่ยวย่นตรงช่วงคอที่ลามขึ้นไปถึงซีกหน้า
เผ่าเพชรก็รับรู้ถึงอาการสะดุ้งของคนตัวเล็กในอ้อมแขน เธอคงตกใจที่เห็นแผลเป็นของเขา ดี! ให้เธอกลัวเขามาก ๆ ยิ่งดี
แขนแกร่งกอดกระชับแน่นขึ้น น่าแปลกที่เผ่าเพชรกลับรู้สึกดีที่ได้กอดคนตัวนิ่มไว้แบบนี้ ลลนานั่งตัวแข็งอยู่บนตักกว้าง ภาวนาขอให้ฝนหยุดตกเร็ว ๆ เธอจะได้หลุดออกไปจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี้เสียที
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน กองไฟที่เคยลุกโชนเริ่มมอดลง แต่อากาศภายในถ้ำกลับร้อนอบอ้าว เพราะสัมผัสจากคนตัวใหญ่ หน้าอกของเขาแนบชิดไปกับอกอวบ มือหยาบวางอยู่ที่แผ่นหลัง บอบบาง ทุกครั้งที่ฝ่ามือเขาสัมผัสกับผิวบริเวณหลัง ลลนาก็สะดุ้งทุกที
“ฝนน่าจะเบาแล้ว” เสียงแหบพร่าเอ่ยบอก เมื่อเสียงข้างนอก เบาลง
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำสั้น ๆ
“ไปใส่เสื้อ” เผ่าเพชรบอก เมื่อคลายอ้อมแขนออก ตาคู่คมกวาดมองไปตามหน้าอกอวบ ลลนายกมือขึ้นกอดอก เมื่อเห็นสายตา จาบจ้วงของชายหนุ่ม
“คือ... เสื้อฉันมันขาดแล้ว คุณฉีกเองกับมือจำไม่ได้หรือไง”
“แน่ใจนะว่าที่ผมฉีกเรียกว่าเสื้อ นึกว่าเศษผ้า ใส่แบบนั้น ใส่ผ้าขี้ริ้วยังดูดีกว่า”
“คุณเผ่า!!” หญิงสาวตวาดแหว เขาเอาเสื้อเธอไปเปรียบกับผ้าขี้ริ้วเนี่ยนะ เสื้อยืดตัวนั้นเนื้อเบาสบาย ราคาก็แสนแพง คนป่า อย่างเขาคงเข้าไม่ถึงคำว่าแบรนด์เนมหรอก
ชายหนุ่มหยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตที่ถอดตากไว้ พร้อมกับโยนใส่หน้าหญิงสาว ลลนารับมาถือไว้ รู้สึกเจ็บที่โดนกระดุมฟาดหน้า เพราะแรงที่เขาปามาไม่เบาเลย
“ใส่ซะ หรือถ้าอยากโชว์จะใส่แบบนั้นก็ตามใจ”
ลลนาเข้าใจความหมายของเขา รีบใส่เสื้อทันที ไม่รอให้เขาย้ำ อีกรอบ เผ่าเพชรเป็นคนบ้า ถ้าเกิดเขาเอาเสื้อคืนขึ้นมา เธอคงต้องเดินโป๊กลับไปแน่นอน ซึ่งไม่เป็นผลดีกับตัวเอง เพราะที่นี่มีคนงานผู้ชาย เต็มไปหมด มีหวังได้กลายเป็นผีเฝ้าป่าแน่นอน
ต่อให้รังเกียจเขาแค่ไหน แต่ลลนาก็ฉลาดพอที่จะระวังตัวเอง ใครเป็นใครก็ไม่รู้ ถึงแม้จะโดนเนรเทศออกจากบ้าน แต่เธอก็ไม่อยากมาตายที่นี่
